ผมเข้าใจมาตลอดว่า การที่คนสองคนทะเลาะกัน
แปลว่า คนสองคนมีความเห็นไม่ตรงกัน
คือการที่คนสองคนขัดแย้งกัน
คือการที่ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนไม่ลงรอยกัน
ผมเคยได้ยินมาบ้าง
ถึงเรื่องราวของความรัก
ที่คนสองคนตลอดการคบหา
ไม่เคยทะเลาะกัน
แม้อดคิดในใจว่า
เป็นไปได้หรือที่คนสองคนคบหากัน
จะไม่เคยทะเลาะกันเลย
แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ใครต้องโกหก
และผมเองก็สมัครใจที่จะเชื่อว่า ความรักของคู่รักที่ไม่เคยทะเลาะกันนั้นมีอยู่จริง
จนอดนับถือปนสงสัยไม่ได้ว่า เขาครองคู่รักกันมาอย่างไร
แต่ผมแน่ใจว่า เขาต้องรักกันมาก
แต่เมื่อผมเติบโตขึ้น
ผมได้พบกับความจริงบางอย่าง
ที่สร้างความรู้สึกประหลาดใจให้กับผมไม่น้อยเช่นกัน
คือไม่ใช่แค่คู่รักที่รักกันมากเท่านั้นที่ไม่ทะเลาะกัน
แต่คู่รักบางคู่ที่ไม่รักกันแล้ว เขาก็จะไม่ทะเลาะกันด้วย
เพราะพวกเขารู้สึกเหนื่อยหน่าย และพบว่า การต้องมาพูดจา
หรือการพยายามปรับความเข้าใจกัน
เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่อยากที่จะพยายามอีกต่อไป
ขออยู่แบบต่างคนต่างอยู่
และวันหนึ่งก็อาจขออยู่แบบที่ไม่มีอีกคนอยู่
เพราะการมีหรือไม่มีกันไม่มีความหมายอีกต่อไป
ในวันที่เราพบว่า แค่การคุยกันก็เป็นเรื่องยากเย็น
ผมจึงพบว่า
คู่รักหลายคู่ที่ยังทะเลาะกันอยู่
คือคู่รักที่ยังรักกันอยู่
เขายังพร้อมที่จะปรับความเข้าใจหากัน
เขายังพร้อมที่จะพูดคุยต่อกัน
เขายังเลือกที่จะหันหน้าเขาหากันมากกว่าที่จะหันหลังใส่กัน
เพราะสิ่งที่ร้ายที่สุดในความรักอาจไม่ใช่เสียง
แต่คือความเงียบงัน